
โรคผมร่วงเป็นหย่อม ๆ รู้ถึงสาเหตุ และวิธีการรักษาให้ทันเวลา
โรคผมร่วงเป็นหย่อม หรือโรคผมร่วงเป็นวง (Alopecia Areata) เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับผิวหนังส่วนที่มีขน (Hair-bearing skin) ทุกส่วน ลักษณะของโรคนี้คือ ผู้ป่วยจะมีผมร่วงแบบไม่มีแผลเป็นบนหนังศีรษะเป็นหย่อม ๆ บางครั้งโรคนี้อาจเกิดจากปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ได้ด้วย ผู้ป่วยโรคผมร่วงเป็นหย่อมส่วนใหญ่ จะมีหย่อมผมร่วงเพียงไม่กี่จุดเท่านั้น และผมมักจะขึ้นใหม่ได้เองตามธรรมชาติ แต่บางครั้งโรคผมร่วงเป็นหย่อมก็อาจนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ เช่น โรคผมร่วงหมดศีรษะ (Alopecia Totalis) หรือในกรณีรุนแรง อาจทำให้เกิดโรคผมร่วงทั่วตัว (Alopecia Universalis) คือ ผมร่วงหมดศีรษะ ขนคิ้ว ขนตา และขนตามร่างกายก็ร่วงด้วย

โรคผมร่วงเป็นหย่อม พบได้บ่อยแค่ไหน
โรคผมร่วงเป็นหย่อมสามารถพบได้ในคนทุกเพศทุกวัย แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีอายุต่ำกว่า 30 ปี โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
อาการของโรคผมร่วงเป็นหย่อม
อาการที่พบได้ทั่วไป ได้แก่
- ผมร่วงเป็นหย่อม
มักเริ่มต้นด้วยการเกิดหย่อมที่ผมร่วง ลักษณะเป็นจุดกลมๆ ผิวหนังอ่อนนุ่ม เส้นผมร่วงจนเกลี้ยง ขนาดประมาณเหรียญบาท ในระยะแรก คุณอาจสังเกตเห็นว่ามีกระจุกผมร่วงอยู่บนหมอน หรือผมร่วงมากกว่าปกติเวลาอาบน้ำสระผม ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดบริเวณหนังศีรษะ แต่ความจริงแล้วสามารถเกิดขึ้นได้กับผิวหนังส่วนที่มีขนทั้งหมด บางกรณีอาจเกิดกับผิวหนังบริเวณคิ้ว ขนตา หรือหนวดได้ด้วย
- มีเส้นผมสั้นรูปร่างคล้ายเครื่องหมายอัศเจรีย์
คือ มีผมเส้นสั้น ๆ ที่โคนผมเรียวเล็กกว่าปลายผม งอกขึ้นบริเวณขอบของหย่อมที่ผมร่วง
- เล็บผิดปกติ

โรคผมร่วงเป็นหย่อมสามารถส่งผลกระทบกับเล็บมือและเล็บเท้าได้ด้วย เช่น เล็บมีรอยบุ๋ม เล็บมีจุดขาว เล็บมีเส้นขาว หน้าเล็บขรุขระ เล็บไม่เงา เล็บบาง เล็บเปราะฉีกขาด ในบางกรณี อาจทำให้เล็บเปลี่ยนรูปทรง หรือทำให้เล็บหลุดได้ด้วย
สำหรับผู้ป่วยบางราย อาจมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการนอกเหนือจากที่ระบุไว้ข้างต้น หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการต่าง ๆ โปรดปรึกษาแพทย์ ร่างกายคนแต่ละคนแสดงอาการแตกต่างกัน จึงควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ของคุณ
สาเหตุของโรคผมร่วงเป็นหย่อม
ปัจจุบันมีหลักฐานว่าโรคผมร่วงเป็นหย่อมมีสาเหตุจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งนำไปสู่ภาวะไม่ตอบสนองต่อแอนติเจนตัวเอง หรือที่มักเรียกว่าภาวะภูมิต้านตัวเอง (Autoimmunity) คือ ระบบภูมิคุ้มกันเข้าใจผิดและโจมตีเนื้อเยื่อในร่างกาย ในกรณีของโรคผมร่วงเป็นหย่อมเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันโจมตีรูขุมขน (Hair follicles) และเข้าขัดขวางการเจริญเติบโตของเส้นผม
จากการตรวจชิ้นเนื้อที่บริเวณที่ได้รับผลกระทบพบว่า เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ (Lymphocyte) ซึ่งทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันแทรกซึมเข้าสู่กระเปาะผม (Hair Bulb) ที่อยู่ล่างสุดของรากผม และนำไปสู่โรคผมร่วงเป็นหย่อม ในบางกรณี โรคผมร่วงเป็นหย่อมก็เป็นผลมาจากโรคอื่นๆ เช่น โรคของต่อมไทรอยด์ โรคด่างขาว โรคแพ้ภูมิตัวเองหรือโรคลูปัส โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคลำไส้ใหญ่อักเสบเป็นแผล

ปัจจัยเหล่านี้ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคผมร่วงเป็นหย่อมของคุณได้
- คนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคนี้
- มีอาการของโรคตั้งแต่อายุยังน้อย (ก่อนเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์) หรือมีอาการของโรคนานเกิน 1 ปี
- มีประวัติโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองอื่น ๆ
- เป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
- ผมร่วงมากผิดปกติ
- เล็บมือและเล็บเท้ามีสี รูปร่าง ความหนา หรือลักษณะผิดปกติ
ปกติแล้ว แพทย์จะวินิจฉัยโรคผมร่วงเป็นหย่อมด้วยการตรวจประเมินอาการ ซักประวัติ และตรวจสอบประวัติทางการแพทย์ หากยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แพทย์อาจต้องให้คุณเข้ารับการทดสอบบางประการ เพื่อหาว่าคุณเป็นโรคที่อาจทำให้ผมร่วงหรือไม่ การทดสอบเหล่านั้น ได้แก่ การตรวจวิเคราะห์ผม แพทย์จะนำตัวอย่างเส้นผมไปส่องในกล้องจุลทรรศน์ และในบางครั้ง อาจต้องเก็บตัวอย่างหนังศีรษะด้วย การตรวจเลือด และการตรวจประเมินเฉพาะโรค เช่น ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ ภาวะขาดไทรอยด์ การรักษาโรคผมร่วงเป็นหย่อม โดยปกติแล้ว บริเวณที่ผมร่วงจะมีผมงอกใหม่ได้เองภายในเวลา 1 ปี และคุณอาจไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาแต่อย่างใด แต่ในระหว่างที่รอผมงอกใหม่ คุณอาจต้องดูแลตัวเองด้วยอุปกรณ์เหล่านี้
- แฮร์พีช (Hairpieces) หรือวิกผม เพื่อปิดบริเวณที่ผมร่วงเป็นหย่อม
- ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม ที่ช่วยให้ผมดูหนาขึ้น
แต่หากคุณต้องการรักษาโรคผมร่วงเป็นหย่อม แพทย์อาจดำเนินการรักษาให้คุณด้วยการฉีดคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) ลงที่ผิวหนังหรือหนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหา (ยา 1 เข็มต่อหนึ่งผิวหนังตารางเซนติเมตร) โดยต้องฉีดทุก ๆ 4-6 สัปดาห์ แต่หากเป็นเด็ก แพทย์จะให้ใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์ชนิดทาแทน ในบางกรณี แพทย์อาจให้ใช้ยาไมนอกซิดิล (Minoxidil) ร่วมด้วย
นอกจากนี้ แพทย์อาจสั่งยาแอนทราลิน (Anthralin) ให้คุณใช้ทาในบริเวณผิวหนังที่มีปัญหาผมร่วง เพื่อช่วยกระตุ้นให้ผมงอกใหม่ โดยคุณอาจต้องใช้ยานี้อย่างน้อย 2 เดือน เส้นผมใหม่จึงจะเริ่มงอก
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเองต่อไปนี้ อาจช่วยรับมือกับโรคผมร่วงเป็นหย่อมได้ บางคนเชื่อว่าการทาน้ำหอมหัวใหญ่ น้ำกระเทียม ชาเขียวเย็น น้ำมันอัลมอนด์ น้ำมันโรสแมรี่ น้ำผึ้ง หรือกะทิ ลงบนผิวหนังที่มีปัญหาผมร่วง สามารถช่วยกระตุ้นการเกิดเส้นผมใหม่ได้ แต่ในปัจจุบันยังไม่มีผลการศึกษาวิจัยที่ยืนยันเรื่องนี้ได้ บางคนเชื่อว่าการรักษาทางเลือก เช่น การฝังเข็ม สุคนธบำบัด หรืออโรมาเธอราพี (Aromatherapy) สามารถช่วยกระตุ้นให้ผมงอกใหม่ได้ แต่ก็ยังต้องศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเช่นกัน
คนเลี้ยงสุนัขอาจเจอปัญหาสุนัขไม่เชื่องและมีอารมณ์ดุร้ายได้ การฝึกสุนัข สร้างความมีระเบียบวินัยให้กับสัตว์เลี้ยง จะทำให้สุนัขเลี้ยงง่าย ทำตามคำสั่งเรามากขึ้น
อ่านบทความเพิ่มเติม แนะนำเกมสล็อต JOKER MADNESS เกมใหม่มาแรง